{[['']]}
ดูหนังออนไลน์
"กวินแปลน" เด็กน้อยผู้เคราะห์ร้ายเขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่มียศถาบรรดาศักดิ์ แต่กลับเป็นช่วงที่มีการทะเลาะกันของวงศ์ตระกูลอย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีมากรีดหน้าของเขาให้เป็นเสมือนรอยยิ้มที่ไม่มีวันจาง เขาจำต้องระหกระเหินเร่ร่อนจนพบกับชายแก่ผู้ใจดีรับเขามาเลี้ยงจนโต และอาชีพที่เขาเป็นก็มีเพียงแค่นักแสดงโจ๊กเกอร์ในคณะละครสัตว์ เมื่อเขาเป็นหนุ่มใหญ่ จึงได้เวลาที่เขาต้องออกไปเผชิญหน้ากับความจริง แต่ด้วยความผิดแปลกของใบหน้าที่ไม่เหมือนคนปกติ เขาจำต้องพบกับเรื่องราวของความรัก ความหวัง และโศกนาฏกรรมที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือน
เกี่ยวกับภาพยนตร์
เด็กน้อยที่ชื่อว่า "กวินแปลน" มาพร้อมกับรอยเหวอะหวะบนใบหน้า ลักษณะของแผลชนิดนี้ คือ ให้เหมือนกับการฉีกยิ้มอยู่ตลอดเวลา เขาถูกทอดทิ้งไร้คนดูแล ต้องระหกระเหินเดินออกไปท่ามกลางพายุหิมะ จนกระทั่งไปพบกับร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเด็กทารกตัวน้อยอยู่ข้าง ๆ กวินเพลนเห็นดังนั้นจึงพาเด็กทารกคนนั้นไปกับเขาด้วย ทั้งคู่เดินทางผ่านพายุจนกระทั่งได้ถูกพบเจอโดยนักพเนจรคนหนึ่ง นามว่า "เออซุซ" เขาสังเกตได้ในทันทีว่าเด็กทารกหญิงคนนี้ตาบอด เขาจึงตั้งชื่อทารกคนนี้ว่า "เดอา" จากนั้นเขาจึงพาเด็กทั้งสองไปทำความรู้จักกับโลกที่พวกเขาต้องอยู่
องค์ที่สองของภาพยนตร์เป็นเรื่องที่ข้ามไปในอีก 15 ปีข้างหน้า เมื่อทั้งสามจำต้องย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่และก่อตั้งละครเวทีอาชีพของ "กวินแปลน" คือ การเป็นนักแสดงตัวตลกให้กับกลุ่มนี้ ดังนั้นโรงละครจึงเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยไอเดียแรกของ วิคเตอร์ อูโก้ นั้นคือ "ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของละครเวที" และ ฌอง ปิแอร์ อเมรีส์ ก็ได้สานต่อความคิด โดยการตีความของโลกละครที่ "กวินแปลน" เล่นอยู่นั้นให้เป็นเสมือนโลกแห่งความจริง แน่นอนว่าชีวิตจริง "กวินแปลน" แทบจะเหมือนกับโลกแห่งละคร เพราะความโชคร้ายของชะตาชีวิต หรือแม้กระทั่งรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัดบนใบหน้า เขาจึงยินดีที่ใช้ชีวิตในโลกแห่งโรงละครมากกว่าในชีวิตจริง อย่างน้อยที่สุดตัวละครใบ้ที่เขาเล่นนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วไป ต่างกับชีวิตจริงที่ทุกคนต่างรังเกียจเขาเมื่อเห็นใบหน้าอันสยดสยอง จนบางครั้งตัวละครอย่างกวินแพลนก็สับสนว่าโลกไหนคือโลกจริงหรือโลกไหนคือละครกันแน่
ในเรื่องบทไดอาล็อกที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ บางส่วนนั้นเป็นการยกคำพูดของหนังสือมาใส่ทั้งประโยค แต่ก็มีบ้างที่เราต้องปรุงแต่งปันสรรค์กันเอง เพราะไม่อยากให้ภาพยนตร์ดูเหมือนกับเป็นการย้อนยุคเกินไป ฌอง ปิแอร์ อเมรีส์ กล่าวว่า "ผมมักจะไม่ชอบเสมอเมื่อภาพยนตร์ในแนวนี้ นักแสดงจะต้องมาตะโกนหรือพูดเสียงดัง ๆ ใส่กัน จนบางครั้งมันกลายเป็นว่าการแสดงนั้นล้นจนเกินไป" เขาต้องการให้นักแสดงนั้นเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะด้วยความที่ตัวละครนั้นมีด้านมืดอย่างชัดเจน เราจึงต้องทำให้นักแสดงมีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เราจับต้องได้ดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่นในเรื่องอย่าง แบทแมน เดอะ ดาร์ค ไนท์ (The Dark Knight) ในฉบับของ คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ (Christopher Nolan) ที่ตัวละครนั้นมีความมืดและความดิบอยู่ในนักแสดงแทบทุกตัว
แสดงความคิดเห็น